ห้องหับแห่งคฤหาสน์กาสักเกษียณใน “กาสักอังก์ฆาต”
วรเมธ งามวงษ์วาน
กาสักอังก์ฆาต นวนิยายสืบสวนสไตล์ไทยที่รังสรรค์จากปลายปากกาของนักเขียนไฟแรงอย่างกิตติศักดิ์ คงคา นวนิยายเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับการไขข้อเท็จจริงของคดีปล้นร้านทองวันประชาธิปไตยและคดีฆาตกรรมบนเกาะร้างที่พัวพันด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มด้วยการไขปริศนาของ “ศาสตราจารย์ซินแคลร์” หรือ “นักสืบทวิกร” นักสืบหนุ่มผู้หลีกหนีความรู้สึกผิดจากการไขคดีและมุ่งหน้าพึ่งพิงความสงบแห่งร่มกาสาวพัสตร์ แต่ความสงบเย็นแห่งพระศาสนาดำรงอยู่ได้เพียงอึดใจ
เกาะร้าง ไร้สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ไร้ผู้คนสัญจร วัดป่า และภิกษุผู้อยู่ประจำอาวาส 6 รูป (ซึ่งอนาคตจะค่อย ๆ ลดลงเพราะเหตุการณ์ประหลาดอย่างคดีฆาตกรรมในห้อง “เปิดตาย”) เชื้อเชิญ ดึงดูดและเขย่าอารมณ์ของผู้ใคร่รู้ทีละนิด ความคาดหวังสิ่งเรียบง่ายในการครองสมณเพศของนักสืบหนุ่มไม่อยู่ในกระแสสามัญของผู้อ่าน เมื่อเวลาล่วงไม่นานเกินรอ กิเลส ตัณหา และปริศนาฆาตกรรมก็อุบัติขึ้นเหยื่อแน่นิ่งในห้อง “เปิด” ส่วนฆาตกรกลับเคลื่อนไหวในห้อง “ปิด” เมื่อกิเลสและตัณหาเกิดขึ้น ย่อมเกิด สิ่งอื่นตามมาเสมือนกงล้อแห่งปฏิจจสมุปบาท ศพที่สองตามมาพร้อมความลึกลับและน่าสงสัยของบุคคลที่ยังคงมีชีวิต
ด้วยลักษณะสำคัญของนวนิยายสืบสวน จึงไม่อาจถ่ายทอดเรื่องราวใดได้มากไปกว่านี้ เนื่องด้วยความเคารพต่อเรื่องราวอันสลับซับซ้อนที่ผู้รังสรรค์ตั้งใจโยงใยถักทอ แต่ด้วยความกระหายในการถ่ายทอด จึงขออุปมาดั่งการเยี่ยมชมสถานที่อันเป็นอนุสรณ์แห่งนวนิยายเล่มนี้ หรือจะกล่าวให้จำเพาะที่สุดก็คือการเยี่ยมชมสถานที่อันเป็นห้องหับแห่งคฤหาสน์กาสักเกษียณ ในกาสักอังก์ฆาต
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่กาสักอังก์ฆาต วิศวกรผู้สร้างและสถาปนิกผู้ออกแบบนามว่า กิตติศักดิ์ คงคา สาวเท้าออกต้อนรับด้วยความเป็นมิตร เขาเป็นทุกสิ่งให้สถานแห่งนี้ รวมถึงการเป็นเจ้าของและ “ผู้สะสม” ครั้นประตูบานโตเปิดกว้าง เจ้าบ้านก็เอ่ยต้อนรับสู่คฤหาสน์ “กาสักเกษียณ” อย่างเป็นทางการ เขาพาผู้ชมอย่างเราเดินชมในฐานะแขกคนสนิท ภายในตกแต่งให้กลิ่นอายแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเจือด้วยความคลาสสิกแต่ร่วมสมัย เขานำชมห้องหับที่วางตำแหน่งสลับซับซ้อนทีละห้อง ๆ เมื่อเราพินิจองค์รวมจนพอเข้าใจองค์ประกอบในห้องแต่ละห้อง เขาก็พาเราเดินชมต่ออย่างกระชับรวดเร็ว ผู้ชมบางท่านอาจคิดว่า เจ้าบ้านนำชมแบบขอไปที แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เจ้าบ้านทราบดีว่าคฤหาสน์ที่เขารังสรรค์เป็นเช่นไร การนำชมแบบกระชับแต่รัดกุม จะติดตรึงผู้ชมเสียมากกว่า เป็นดังเจ้าบ้านคิด ผู้ชมผู้เติบโตพร้อมความเร่งรีบของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดไม่ชอบความยืดยาดและยืดเยื้อ หากแต่เมื่อสนใจในห้องใด ก็จะวนกลับมาอีกครั้งแล้วสละเวลาดื่มด่ำโดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด
การนำชมห้องหับซับซ้อนดำเนินไปเรื่อย ๆ แม้จะใช้เวลายาวนาน แต่จังหวะภาษาและท่วงทำนองการบอกเล่าตลอดการนำชมของเจ้าบ้าน ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย เขาใช้ภาษาสำนวนที่สวิงสวายเร้าความสนใจให้ติดตาม ซ่อนความโลดโผนอิงแอบกับความท้าทาย ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และกระหายเรื่องราว รู้ตัวอีกทีก็เผลอเดินตามมาถึงห้องสุดท้าย
ระหว่างทางผู้เยี่ยมชมอาจรู้สึกฉงนในโครงสร้างของกาสักเกษียณ แม้จะพอจับจุดและคาดเดาแผนผังโครงสร้างได้บ้าง แต่ก็ไม่อาจคาดเดาได้ถูกต้องครบถ้วน ประตูห้องยิบย่อยและทางเดินที่เหมือนจะทอดตรง กลับทอดยาวไปสู่ทางใหม่ ๆ เสมอ เสมือนเดินอยู่ในบ้านที่สร้างเป็นวงกตขนาดย่อมสำหรับหลอกล่อและหยอกเย้าคนนอกอย่างเรา บานประตูห้องสุดท้ายเปิดออก นับว่าเป็นห้องที่เรียบง่ายและลุ่มลึกที่สุด ภายในเป็นโครงสร้างจำลองของกาสักเกษียณ ชี้ให้เห็นโครงสร้างทุกส่วนมุมที่ผู้ชมพบเห็นทุกห้องถูกสร้างขึ้นอย่างมีหลักการ เห็นชัดถึงความพิถีพิถันรอบครอบ เชื่อว่าเกินครึ่งของผู้ชม ย่อมไม่อาจจินตนาการถึงโครงสร้างที่เหนือจินตนาการนี้ได้ แม้พรรณนาเช่นนี้จะดูเลื่อนลอย แต่ถ้าลองเยี่ยมชมเอง ก็จะพบเจอความมหัศจรรย์สุดพิสดาร ซึ่งไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจแพร่งพรายมากไปกว่านี้
หลังพิจารณาผังโครงสร้างคฤหาสน์จนพอใจและพลางคิดว่าจะยุติการเยี่ยมชม เจ้าบ้านก็ออกกำลังรั้งเราจนสุดแขน รอยยิ้มเปี่ยมสุขกำลังบอกว่า คฤหาสน์กาสักเกษียณไม่ได้มีดีเพียงแค่นี้ เขาเปิดกลไกที่ซ่อนไว้จากพื้นไม้กลางห้อง โครงสร้างจำลองของกาสักเกษียณเปลี่ยนไปจนเห็นความแตกต่าง รายละเอียดและเส้นแสงโยงใยเชื่อมทะลุรูปปั้นกาสักอันเป็นสัญลักษณ์ของบ้าน ไม่นานกาสักก็หายตัวคล้ายถูกคลุมด้วยผ้าล่องหน ทุกสายตาตะลึงงันกับความพิสดารที่เกี่ยวโยงทุกสิ่งให้เป็นหนึ่ง นับว่าเป็นของเล่นชิ้นดีที่เจ้าของบ้านฟูมฟัก ชนิดที่เขากล่าวว่า “ ... กรีดชีวิตใส่ความทุ่มเทไป ... มากเหลือเกิน”
หลังพบความพิสดารที่เจ้าบ้านค่อย ๆ หยอดและหย่อนให้พวกเราละเลียดดื่มกลืนตลอดทางเขายังไม่หมดลูกเล่นอันแพรวพราว เปรียบได้ว่าเขาเป็นเซฟชั้นดี ค่อย ๆ เสิร์ฟอาหารตามลำดับ เน้นหนักที่ “เรียกน้ำย่อย” แม้ชื่อเรียกน้ำย่อย แต่กลับอัดแน่นด้วยหลากสีสันหลายองค์ประกอบ ดั่งมีแรงดึงดูดให้หลงใหลไปกับมัน ตามมาด้วย “ซุป” ที่เข้มข้นและ “จานหลัก” อย่างการเฉลยปมที่ผูกแน่น เมื่อเสร็จสิ้น“จานรอง” ถูกเสิร์ฟอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมจานหลักที่เป็นจุดเด่น เปรียบเหมือนการแก้ปริศนา “กาสัก” ที่เป็นหัวใจสำคัญ ตามต่อด้วย “ของหวาน” เยี่ยวยาหัวใจ ให้ความอบอุ่นเบาสบายหลัง “อาหารจานหนัก” และปิดท้ายฟูลคอร์สด้วย ความขม ฝาด และหวานปลายจาก “เครื่องดื่ม” นามว่า “กาสัก”
หลังรับลูกเล่นอันแพรวพราวแฝงความหักมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอิ่มหนำ ความใคร่รู้ในรายละเอียดปลีกย่อยก็เผยตัว ในเบื้องต้นที่ก้าวเท้าเข้าคฤหาสน์ ผู้เยี่ยมชมย่อมรู้สึกถึงพลังบางอย่างอันลึกลับน่ากลัว คลับคล้ายกับเดินชมคฤหาสน์ร้างที่ฉาบด้วยเลือดและแรงอาฆาต จังหวะการนำชมของเจ้าบ้านเป็นสิ่งเสริมช่วยกระตุ้นความลึกลับแฝงเร้น ทุกย่างก้าวคล้ายกาสักเกษียณกำลังหลอกล่อ อาจเพราะด้วยเหลี่ยมมุมที่แปลกพิสดารกว่าสถานที่อื่น ๆ แต่เมื่อถึงจุดสิ้นสุดและความจริง ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ความรู้สึกด้านลบก็อันตรธาน
กาสักอังก์ฆาตและกาสักเกษียณหลอมสร้างจากกลวิธีที่ซับซ้อน ซ่อนห้องสุดแตกต่างได้อย่างลงตัว แม้ลึกลับแฝงเงื่อนงำ แต่กลับเด่นชัดด้วยความเรียบง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ เนื่องด้วยชื่อและสถานที่ล้วนจำง่าย มีเอกลักษณ์ เช่น การเรียกชื่อตามทิศทั้ง 8 หรือการวางผังหลายสิ่งให้เป็น 8 เหลี่ยม อีกทั้งการบอกเล่าและการลำดับร้อยเรียงของผู้สร้างทำได้อย่างแจ่มชัด ทำให้เห็นภาพและเข้าใจได้เหมือนสิ่งเหล่านั้นอยู่ในชีวิตประจำวัน
แม้ในความเรียบง่าย แต่ยังคงลักษณะสำคัญอย่างครบครัน เมื่อเดินเยี่ยมชมทีละจุดอย่างลึกซึ้ง จะเห็นความชิงไหวชิงพริบของห้องต่าง ๆ แม้กาสักอังก์ฆาตจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่กลับบรรจุเรื่องราวที่เจ้าบ้านสะสมและจัดเรียงอย่างแยบยล ห้องทุกห้องไร้ชื่อตั้งอย่างเป็นทางการ แต่อาจนิยามได้ง่าย ๆ จากของที่อัดแน่นอยู่ภายใน ตัวอย่างเช่น ห้องแห่งความทรงจำในประวัติศาสตร์ ห้องแห่งการทดลองสสารและเคมีภัณฑ์ ห้องแห่งนักอักษรศาสตร์ ห้องแห่งวรรณกรรมและวรรณคดี หรือห้องแห่งพระพุทธศาสนา หากเจาะลึกจะเห็นได้ชัดว่า ของสะสมที่จัดแสดงไม่ได้เกิดจากความชื่นชอบเพียงผิว แต่เกิดจากความใส่ใจและการทุ่มเวลาศึกษาที่ลึกไปจนถึงแก่น ทั้งยังพาผู้เยี่ยมเยียนดำดิ่งสู่ความใคร่รู้และความชื่นชอบของเจ้าตัวอีกด้วย
ความน่าสนใจของแต่ละห้องเป็นสิ่งที่น่าเอ่ยถึงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่หากหลุดปากเผยแพร่คงขัดความสนุกสนานของกาสักอังก์ฆาตไม่มากก็น้อย ด้วยไม่ต้องการขัดอรรถรส จึงขอแพร่งพรายแบบคลุมเครือเพื่อผู้ที่ยังไม่เคยลิ้มลอง โดยขอยก 3 ห้องสำคัญเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ เร้าความสนใจ ได้แก่ห้องแห่งนักอักษรศาสตร์ ห้องแห่งวรรณกรรมและวรรณคดี และห้องแห่งพระพุทธศาสนา
ห้องแห่งนักอักษรศาสตร์
เริ่มต้นด้วยห้องแห่งนักอักษรศาสตร์ เมื่อชะเง้อหน้ามองภายใน หนังสือตำราและเอกสารมหาศาลเรียงรายในตู้อย่างเป็นระบบ เข้าใจได้ไม่ยากถึงความชำนิชำนาญของเจ้าบ้าน ท่วงทำนอง จังหวะ การเล่าเรื่อง การเรียงลำดับความคิด หรือการพรรณนาอย่างเห็นภาพ คงเรียนรู้จากห้องแห่งนี้ ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ เจ้าบ้านน่าจะหลงใหลใคร่รู้เกี่ยวกับ “ภาษาไทยประดิษฐ์ใหม่” ที่มีลักษณะ “แปลก ๆ” เฉพาะกลุ่ม เห็นชัดจาก “ภาษาซอ” ที่ใช้แพร่หลายกันในเรือนจำ โดยเขียนอธิบายว่า “... ข้างในคุกมีการใช้ภาษาประดิษฐ์ใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คุมฟังรู้เรื่อง อย่างเช่นภาษาซอ หรือที่วัยรุ่นปัจจุบันเอามาประยุกต์ใช้กันอย่างภาษาลู วิธีแปลงภาษาก็ทำได้ง่ายโดยการเติมคำเข้าไปแล้วผวน เช่นคำว่ากิน เติมคำว่าซอ ก็เป็น ซอกิน ผวนเป็นกินซอ ... ” ความสนใจในภาษาประดิษฐ์ใหม่เป็นพื้นฐานสำหรับ “ภาษากา” ที่ซ่อนตัวอยู่ตามแผ่นป้าย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับห้องแห่งวรรณกรรมและวรรณคดี
ห้องแห่งวรรณกรรมและวรรณคดี
ห้องนี้ไม่ต่างอะไรจากห้องแรกมากนัก แต่ก็มีหลายสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เรียกได้ว่าห้องแห่งนี้เป็นหมุดหมายสำคัญของเข็มทิศก็ว่าได้ หากย้อนไปยังห้องแห่งนักอักษรศาสตร์ ในครั้งแรกที่ชะโงกหน้าดู ย่อมไม่เห็นความน่าสนใจใด ๆ แต่เมื่อได้เห็นบทสรุปข้อเท็จจริง แล้วกลับมายังห้องแห่งวรรณกรรมและวรรณคดี จะเห็นได้ชัดว่าห้องนี้เป็นรากฐานที่ชี้ไปสู่ห้องแห่งนักอักษรศาสตร์ และนำไปสู่ห้องสุดท้ายอันเป็นแก่นสำคัญของกาสักอังก์ฆาต
เป็นที่ทราบกันดีว่า “นกกาสัก” เป็นหัวใจสำคัญของที่นี่ กาสัก เป็นสัตว์กายสิทธิ์ประเภทนกที่มีลักษณะพิเศษคือ “ไม่เห็นตัวตน” หรือ “ล่องหน” ได้ เนื่องด้วยกาสักเป็นนกลึกลับเช่นเดียวกับนกการเวก ทำให้ “การพบกาสักเป็นเรื่องยาก” (หากเดินตามเจ้าบ้านไปจนถึงบทสรุป จะทราบได้ทันทีว่ายากอย่างไร) ถึงแม้จะหายากเพียงใด แต่ก็ย่อมมีวิธีติดต่อกันของเหล่า “กาสัก” ทั้งกาสักแท้ กาสักเทียม กาสักที่ร่วงโรย กาสักที่ล่วงลับ กาสักที่จงใจล่องหน และกาสักที่จำใจหายตัว ภาษากาสักนั้นหลีกเร้นและล่องหนสมดั่ง นกกาสัก แม้จะส่งเสียงแต่กลับแปลความได้ยาก เช่น “จากกาสักถึงกาสัก ทองคำทั้งหนึ่งพันบาทไม่เคยหายเข้ากลีบเมฆ แต่ยังถูกซุกซ่อนไว้อย่างปลอดภัย ณ ที่ห่างไกล จงรีบติดต่อกลับมาก่อนทุกอย่างจะถูกเปิดเผย จากกาสักถึงกาสัก” หรือชื่อ “กาสักเกษียณ” ที่แปลความได้อย่างตรงตัว เป็นต้น
การล่องหนได้ของกาสักนับว่าเป็นคำบอกใบ้ชิ้นสำคัญ กาสักนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตสำคัญที่สร้างความพิสดารเกินความคาดหมายของผู้พบเห็น อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่หรือเปิดมุมมองของผู้พบเห็นก็ว่าได้ ซึ่งกาสักในห้องแห่งนี้ ยังผูกโยงไปกับห้องอื่น ๆ คล้ายเป็นเส้นเลือดสำคัญยึดโยงทุกห้อง ถ่ายส่งพลังงานจากห้องสู่ห้อง รวมถึงห้องที่ใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ อันมีนามว่าห้องแห่งพระพุทธศาสนา
ห้องแห่งพระพุทธศาสนา
แม้องค์ประกอบจะบอกว่าเป็นห้องที่เกี่ยวเนื่องยึดโยงกับพระพุทธศาสนา แต่หลายสิ่งกลับย้อนแย้ง สิ่งที่อยู่ในห้องร้อยเรียงเป็นเรื่องเดียวกัน คือเรื่องภายใต้การห่มคลุมของผ้าเหลือง แต่บางสิ่งกลับแสดงความกลับกลอก ยอกย้อน แสดงความผิดปกติอย่างเห็นได้ง่าย ทันทีที่มองลอดเข้าในประตูห้อง ปาราชิก - สังฆาทิเสส – อนิยตกัณฑ์ - นิสสัคคิยปาจิตตีย์ - ปาจิตตีย์ - ปาฏิเทสนียะ - เสขิยวัตร และอธิกรณ์สมถะ คำศัพท์ไม่คุ้นเคยทั้ง 8 ร้อยเรียงบนพื้นหลังของไตรจีวรที่ห่มทับหุ่นโชว์ หากศึกษาเพิ่มเติม คำทั้ง 8 มีที่มาจากพระไตรปิฎก เกี่ยวเนื่องกับภิกขุวิภังค์ กล่าวคือ ว่าด้วยเรื่องพระวินัยของภิกษุ
โดยเจ้าของบ้านทำสัญลักษณ์เป็นนัยว่า คำเหล่านี้อธิบายเหตุการณ์เป็นลำดับตลอดการเที่ยวชม เมื่อเข้าถึงบทสรุป ย่อมเห็นถึงความบรรจงในการคัดสรรคำและการเสริมเพิ่มรสกลมกล่อมให้กาสักอังก์ฆาตไม่ใช่น้อย เนื่องด้วยคำทั้ง 8 นี้เกี่ยวกับวินัยและกิจของสงฆ์ที่สาธุชนคนไทยคุ้นชินเป็นทุนเดิม
นอกจากคำทั้ง 8 ในข้างต้น ยังมีโมเดลจำลองชื่อกาสักเกษียณวางเด่นอยู่กลางห้อง ลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมฐานวงกลม ส่วนมุมด้านทั้งแปดมีสิ่งปลูกสร้างตั้งชื่อตามชื่อทิศ เรียงร้อยตามเข็มนาฬิกา เริ่มตั้งแต่ทิศเหนือจนถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เริ่มด้วย อุดร อีสาน บูรพา อาคเนย์ ทักษิณ หรดี ประจิม และพายัพ โดยหน้าสิ่งปลูกร้างจะมีแท่นวางตุ๊กตาห่มเหลือง ให้อารมณ์เหมือนเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างนั้น บางเหลี่ยมมุมมีตุ๊กตาตั้งอยู่ บางเหลี่ยมมุมก็ว่างเปล่า บางเหลี่ยมมุมตุ๊กตาก็หมดแรงจะยืน และบางเหลี่ยมมุมก็ดูพิสดารเกินกว่ามุมอื่น ๆ
ตุ๊กตาแต่ละเหลี่ยมมุมจะรับบทรับหน้าที่แตกต่างกันไป “พายัพ” รับหน้าที่ดูแลทุกสิ่งในกาสัก-เกษียณ “บูรพา” และ “อาคเนย์” รับหน้าที่ขับเรือและดูแลเครื่องยนต์เรือ “ทักษิณ” เป็นพ่อครัวและเกษตรกรผู้ผลิตอาหารหล่อเลี้ยงตุ๊กตาตัวอื่น ๆ “หรดี” เป็น เหรัญญิกดูแลการเงินร่วมกับโหราพยากรณ์ที่ถูกสั่งห้ามเพราะเป็นอวิชชา “อุดร” “อีสาน” และ “ประจิม”ไม่ได้มีหน้าที่ที่เด่นชัดบันทึกไว้ หากพิจารณาหน้าที่ของแต่ละตุ๊กตาห่มเหลือง กิจของพวกเขาแปลกและแตกต่างจากกิจของสงฆ์ที่คนหมู่มากคุ้นชิน เรียกได้ว่าบิดพลิ้วไปจากเดิมเสียยกใหญ่ ทั้งการขับขี่พาหนะ การไม่บิณฑบาต การปรุงอาหารให้สุก การขุดดิน การปลูกต้นไม้ การเก็บตุนอาหาร หรือสิ่งอื่น ๆ ที่มากเกินกว่าจะยกตัวอย่าง เห็นชัดถึงความลักลั่นของตุ๊กตาในกาสักเกษียณกับข้อกำหนดในพระวินัยของสงฆ์และจริยวัตรที่ดีงามของสงฆ์
อย่างที่กล่าวในข้างต้น แม้กาสักเกษียณตั้งตนเป็น “วัดป่า” แต่กลับบิดเบือน ละเลย และเพิกเฉยต่อข้อธรรมทางศาสนาหลายจุด และยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นเมื่อเกิดเหตุฆาตกรรม เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของคนใน หรือคนที่รับบทเป็นสงฆ์ ซึ่งพฤติกรรมการฆ่ามนุษย์นั้น ย้อนแย้งกับสิกขาบทที่บังคับไว้สูงสุด นับว่า “ปาราชิก” หรือสูญสิ้นความเป็นสงฆ์ ข้อจำกัดการห่มคลุมผ้าเหลืองทำให้ควานหาฆาตกรได้ยากยิ่งทุกตัวตุ๊กตาต่างดำเนินกิจตามปกติ จนไม่อาจจับมือใครดมได้แม้แต่น้อย จนทำให้เผลอคิดว่าเป็นฝีมือของสิ่งลี้ลับ หรือสิ่งที่หายตัวและซ่อนตัวได้ตามต้องการ เฉกเช่น “กาสัก”
และในท้ายที่สุดของห้องแห่งพระพุทธศาสนา เมื่อลองเปิดมุมมองใหม่ ๆ ความลับภายใต้ร่มผ้าเหลืองทำให้ผู้พบเห็นได้ตระหนักคิดบางอย่าง ผ้าเหลืองที่ห่มกายไม่อาจห่มซ่อนความผิดที่ห่มคลุมของคนร้ายได้เลย ดังปริศนาธรรมที่ว่า “สัตย์แท้แก้ผ้ามุสาห่มคลุม”
กาสักอังก์ฆาตเป็นสถานรวบรวมและสะสมสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ผู้มาเยือนจะรู้สึกถึงองค์ประกอบที่หลายหลาก คล้ายถูกตัด ต่อ แปะ และประดิษฐ์จากส่วนเล็กส่วนน้อยมีทั้ง “กลเวลา” “กลร่างกายมนุษย์” “กลสารเคมี” “กลจิตวิทยา” “กลหลักฐานที่อยู่” “กลการแพทย์” และกลอื่น ๆ ให้ความรู้สึกคล้ายได้กลิ่นกลของอกาธา คริสตี้ ผสมกับ อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ แฝงด้วยคินดะอิจิเจือกับเอโดงาวะ โคนัน ถึงแม้จะได้กลิ่นกลของพวกเขา แต่กลิ่นที่เด่นชัดที่สุดคือ
“กิต กา กิ ตา กักดิ์ ศา กง คา กา คา”