Young woman and the sea: Gertrude Ederle ราชินีเกลียวคลื่น
ผู้ทลายกำแพงอคติทางเพศในวงการกีฬา
พิชญาภา ศรีบัว
ภาพยนตร์ Young woman and the sea เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของ Gertrude Ederle หรือ ทรูดี้ นักกีฬาว่ายน้ำหญิงชาวอเมริกัน บุคคลผู้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้หญิงคนแรกที่ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษสำเร็จในปี 1926 นอกจากนี้แล้วเธอยังสามารถทำลายสถิติเดิมทั้งหมดด้วยเวลา 14 ชั่วโมง 31 นาที ซึ่งเร็วกว่าสถิติของผู้ชายถึงเกือบ 2 ชั่วโมง โดยมี Daisy Ridley นักแสดงจาก Star Wars: Forces of Destiny รับบทเป็นทรูดี้ กำกับโดย Joachim Rønningเจ้าของผลงานMaleficent: Mistress of Evilและเขียนบทภาพยนตร์โดย Jeff Nathansonผู้เขียนบท The Lion Kingฉบับ Live action ปี 2019เผยแพร่ทาง Disney+ Hotstar เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024โดยมีความยาว 2 ชั่วโมง 9 นาที
Young woman and the seaดัดแปลงมาจากหนังสือวรรณกรรมอัตชีวประวัติเชิงสารคดีเรื่อง Young Woman And The Sea: How Trudy Ederle Conquered the English Channel and Inspired the World เขียนโดย Glenn Stout ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2009 ทั้งนี้ Stoutผู้เขียนหนังสือกล่าวถึงกระบวนการในการเขียนหนังสือเล่มนี้ว่าเขาได้มีการศึกษาวิจัยเรื่องราวของทรูดี้ผ่านการค้นคว้าข้อมูล รวบรวมบทความหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ประวัติส่วนตัว รายงานผลการแข่งขันโอลิมปิก ตลอดจนการค้นภาพข่าวต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลกว่า 6,000 แหล่ง เพื่อทำความเข้าใจบริบทสังคม ความท้าทายที่ทรูดี้ต้องเผชิญในเวลานั้น เพื่อให้หนังสือสามารถถ่ายทอดเรื่องราวอัตชีวประวัติของทรูดี้ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
เนื้อหาหลักบอกเล่าเรื่องราวของทรูดี้นักกีฬาว่ายน้ำหญิงชาวอเมริกันผู้สร้างความฝัน ความหวัง แรงบันดาลใจและมีคุณูปการต่อวงการกีฬาของผู้หญิงในทศวรรษ 1920 ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่แนวคิดปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่กำลังครอบงำสังคมอยู่ ผู้หญิงถูกมองว่าอ่อนแอเกินกว่าที่จะเล่นกีฬาชนิดใดแบบผู้ชายได้ พวกเธอทำเหล่านั้นเป็นได้เพียงลูกสาวเมีย และแม่ของผู้ชายสักคนในสังคม มีหน้าที่รับผิดชอบในบ้านเท่านั้น อย่างไรก็ตามทรูดี้กลับท้าทายแนวคิดกระแสหลัก บรรทัดฐานของสังคมและอคติทางเพศดังกล่าว ทลายมันลงไปพร้อมกับการปูทางสร้างพื้นที่ให้กับนักกีฬาหญิงในเวลาต่อมา
ในธรรมชาติสิงโตตัวเมียต่างหากที่ออกล่าเหยื่อ และราชินีผึ้งต่างหากที่ปกครองรังผึ้ง
“รู้ไหมว่าผู้ชายส่วนมากเชื่อว่าผู้หญิงที่ออกกำลังกายจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ และเชื่อว่าเราอ่อนแอเกินกว่าจะวิ่ง ว่ายน้ำ แข่งขัน เชื่อว่าหัวใจของเราจะแตกออก แต่ในธรรมชาติสิงโตตัวเมียต่างหากที่ออกล่าเหยื่อทั้งที่สิงโตตัวผู้เอาแต่นั่งไม่ทำอะไร และราชินีผึ้งต่างหากที่ปกครองรังผึ้ง” ชาร์ล็อต เอปสไตล์
ทรูดี้เป็นลูกสาวของผู้อพยพชาวเยอรมันในนิวยอร์ก ครอบครัวเธอประกอบอาชีพขายเนื้อ มีพี่สาวชื่อเม็กและน้องชายคือ จอร์จ ภาพยนตร์เปิดฉากด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวในวัยเด็กของทรูดี้ขณะที่เธอกำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยอย่างรุนแรงด้วยโรคหัด แม้กระทั่งหมอที่ดูแลเธอยังลงความเห็นว่าเธอไม่สามารถอยู่รอดถึงวันพรุ่งนี้ได้ แต่ทรูดี้กลับเข้มแข็งกว่าที่คิดในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะโรคหัดอย่างไรก็ตามผลจากการเจ็บป่วยด้วยโรคดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทรูดี้ในเวลาต่อมา
ขณะที่ทรูดี้กำลังนอนซมเพราะพิษไข้อยู่เกิดโศกนาฎกรรมไฟไหม้เรือกลไฟขึ้น อุบัติเหตุดังกล่าวอยู่ห่างจากท่าเรือประมาณ 9 เมตร แม่บอกเธอว่ามีคนตายหลายร้อยคนและส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เธอจึงได้รู้ว่าเพราะพวกผู้หญิงเหล่านั้นว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่สามารถเอาตัวรอดออกมาจากเรือได้ โศกนากฎกรรมครั้งนั้นทำให้แม่ของทรูดี้ตัดสินใจให้ลูกสาวของเธอทั้ง 2 คน เรียนว่ายน้ำและแน่นอนว่าพ่อของเธอย่อมไม่เห็นด้วยในมุมมองของพ่อและสังคมในเวลานั้นการว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิง รวมถึงกีฬาที่ใช้กำลังอื่น ๆทั้งยังมีคิดที่ว่าเป็นสิ่งที่คนในสังคมไม่ทำกันและ “คนเขาจะว่ายังไง” หากปล่อยให้ลูกสาวตัวเองเล่นกีฬาเหล่านั้นจะเป็นเรื่องผิดเพี้ยนไปจากบรรทัดฐานของสังคม การผลิตซ้ำทางความคิดและนัยยะจากการกระทำของตัวละครชายที่ปรากฏบ่อยครั้งในภาพยนตร์คือกรอบคิดชายเป็นใหญ่ “สำหรับผู้หญิงน่ะหรือ เขาไม่ทำกันหรอก”
ภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวในยุคสมัยที่มีการกีดกันทางเพศอย่างรุนแรง สังคมที่มีผู้ชายเป็นใหญ่แบ่งแยกผู้หญิงออกไปราวกับเป็นอีกชนชั้นหนึ่งในสังคม แม้ว่าขณะนั้นผู้หญิงจะมีสิทธิในการเลือกตั้งแล้ว แต่พวกเธอกลับไม่ได้รับการยอมรับให้มีพื้นที่ทางสังคมและเสียงของพวกเธอไม่เคยถูกรับฟัง ภาพยนตร์ยังแสดงให้เห็นถึงการแบ่งแยกอันเป็นปกติวิสัยของสังคมผ่านฉากที่มีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถลงสระว่ายน้ำได้ และผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งทรูดี้ผู้มีประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคหัดจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสระว่ายน้ำ สุดท้ายเมื่อพ่อของทรูดี้ต้านทานความต้องการที่จะว่ายน้ำของเธอและแม่ไม่ได้ จึงยอมให้ทรูดี้ฝึกว่ายน้ำโดยใช้เชือกผู้ไว้กับเอวมีผู้เป็นพ่อคอยจับเชือกไว้ ทรูดี้เติบโตมากับการฝึกว่ายน้ำรอบท่าเรือและการแข่งขันว่ายน้ำกับเม็กพี่สาวของเธอ เธอมีพี่สาวเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ ทรูดี้กล่าวว่าเธอจะไม่มีวันทำได้หากไม่มีเม็กร่วมเคียงข้างไปกับเธอ ทั้งนี้ภาพยนตร์เน้นย้ำและชูประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเพศให้เห็นเกือบตลอดทั้งเรื่องอาทิในขณะที่ผู้ชายสามารถฝึกไว้น้ำในสระว่ายน้ำสาธารณะได้แต่สมาคมว่ายน้ำหญิงกลับต้องหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง “ห้องหม้อต้มน้ำ” มีการสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงใส่กระโปรงสั้น ถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคอยตรวจวัดความยาวของกระโปรงผู้หญิงตลอดเวลา และไม่อนุญาตให้ผู้หญิงใส่ชุดที่มีการเปิดเผยให้เห็นท่อนขา
แม่ของทรูดี้เป็นอีกตัวละครที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เธอเป็นตัวแทนของแนวคิดสตรีนิยมผู้ไม่ยอมจำนนให้กับสังคมแบบชายเป็นใหญ่อันเป็นผลพวงของปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของทรูดี้เกิดขึ้นเมื่อแม่ของเธอตัดสินใจจะให้ทรูดี้และเม็กเข้าร่วมสมาคมว่ายน้ำของผู้หญิง หรือ Women's Swimming Association (WSA) โดยมีชาร์ล็อต เอปสไตล์ เป็นผู้ฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเอปสไตล์เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทรูดี้เช่นกันเธอสร้าง WSA ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้หญิงมีโอกาสเท่าเทียมกันในการแข่งขันว่ายน้ำ ในเมื่อผู้เป็นพ่อไม่ยอมสนับสนุนค่าเรียน แม่ของทรูดี้จึงทำงานและขายของเพื่อหาเงินในส่วนนั้นเอง แม่ของทรูดี้เชื่อมั่นในตัวลูกสาวเธออย่างสุดใจเท่าที่แม่คนหนึ่งจะสามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่คนอื่นไม่เห็นคุณค่าในตัวทรูดี้ แต่แม่เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่าทรูดี้ทำได้มากกว่าที่สังคมนิยามตัวตนของเธอและทรูดี้เองก็ได้รับความเข้มแข็งทางจิตใจเหล่านั้นของเธอได้มากจากแม่อย่างเต็มเปี่ยม
ที่สมาคมนักว่ายน้ำหญิงทรูดี้ได้เรียนท่าว่ายน้ำฟรีสไตล์ 28 จังหวะโดยใช้แขนขาเตะพร้อมกัน 28 จังหวะต่อนาที คิดค้นโดย หลุยส์ เจ. แฮนด์ลีย์ ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นท่าว่ายน้ำที่เร็วที่สุดในยุคนั้น เส้นทางอาชีพนักว่ายน้ำทรูดี้เกิดขึ้นขึ้นเมื่อเธอสามารถเอาชนะนักว่ายน้ำหญิงที่เก่งที่สุดจากออสเตเลียในการแข่งขันทั้งที่หลายคนลงความเห็นว่าเม็กคือตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้หลังจากนั้นทรูดี้ก็เดินสายกวาดรางวัลจากการแข่งขันระดับรัฐไปจนถึงระดับประเทศความสำเร็จเหล่านั้นส่งผลให้ตัวเธอถูกคาดหวังจากสังคมว่าต้องเป็นคนเก่งและประสบความสำเร็จไปโดยปริยาย
ตลอดทั้งเรื่องเราจะสัมผัสถึงการคัดง้างกันระหว่างแนวคิดปิตาธิปไตยซึ่งมีพ่อและตัวละครผู้ชายหลายคนเป็นตัวแทนกับแนวคิดสตรีนิยมซึ่งมีทรูดี้และแม่ของเธอเป็นตัวแทน โดยจะเห็นแม่และทรูดี้ปะทะกันทางความคิดกับพ่ออยู่ตลอดเวลา แนวคิดสตรีนิยมเชื่อว่าความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงไม่ได้รับความเป็นธรรม อาทิ ผู้หญิงมีโอกาสทางการงานหรือการศึกษาที่ต่ำกว่ามีเงินเดือนต่ำกว่า มีภาระหน้าที่มากกว่าต้องทำงานทั้งในบ้านและนอกบ้าน ภาพยนตร์จึงสะท้อนว่าการเอาชนะในกีฬาแบบผู้ชาย หรือความสำเร็จในการว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษของทรูดี้สื่อนัยยะถึงความพยายามของผู้หญิงในการล้มล้างการกดขี่ทางเพศของระบบการปกครองทางสังคมแบบเดิมนั่นคือ ปิตาธิปไตย ซึ่งหากพวกเธอทำสำเร็จผู้หญิงจึงจะสามารถอ้างสิทธิทางเพศของตนและท้าทายมาตรฐานทางศีลธรรมแบบดั้งเดิมได้โดยชอบธรรมทั้งยังเป็นการเปิดทางให้ผู้หญิงมีตำแหน่งแห่งที่ในสังคมยิ่งขึ้นชัยชนะของทรูดี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูให้แก่นักกีฬาหญิง ในทางกลับกันหากเธอพ่ายแพ้หรือล้มเหลวประตูเหล่านั้นพร้อมจะปิดตายลงทันที
ในขณะที่ทัศนคติแบบปิตาธิปไตยเชื่อว่าผู้ชายมีหน้าที่เป็นเสาหลักในการปกป้องครอบครัวและลูก ๆ ของตัวเองเหมือนที่พ่อของทรูดี้ทำมาโดยตลอดรวมถึงวิธีคิดและการแสดงออกของตัวละครชายอีกหลายคนในเรื่องเช่น จาเบซ วูล์ฟครูฝึกทีมนักว่ายน้ำหญิง ผู้พยายามว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษกว่า 21 ครั้งแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเสียทีปี 1924 ทรูดี้และตัวแทนนักกีฬาหญิงเดินทางไปยังปารีสเพื่อไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 8วูล์ฟก็เชื่อว่าตัวเองมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการปกป้องนักกีฬาหญิงทุกคน และป้องกันไม่มีการติดต่อกับนักกีฬาชาย ทั้งยังมีพี่เลี้ยงที่เป็นแม่ชีคอยยืนเฝ้าอยู่นอกห้องตลอดเวลา โดยที่วูล์ฟไม่สนใจที่จะฝึกซ้อมให้การแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสครั้งนั้นทรูดี้จึงไม่ได้รับการฝึกซ้อมเลยตลอดสามสัปดาห์ ถึงแม้ทรูดี้จะได้เหรียญกลับมาแต่สังคมยังจำกัดความสนใจไว้ที่นักกีฬาชายที่ได้เหรียญทองเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเธอเดินทางกลับมาถึงอเมริกาผู้คนและสังคมจึงไม่ได้สนใจความสำเร็จของทรูดี้ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ หนึ่งเธอเป็นผู้หญิง และสองเธอเป็นนักกีฬาผู้หญิงที่ไม่ชนะเหรียญทอง พร้อมกันนั้นรัฐเลือกที่จะไม่สนับสนุนนักกีฬาว่ายน้ำหญิงอีกต่อไป ไม่จัดสรรงบประมาณและครูฝึกสอนให้ เพราะเชื่อว่าการแข่งขันกีฬาในผู้หญิงไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน ในเวลานั้นทรูดี้จึงยอมรับชะตากรรมและกลับมาทำงานที่ร้านขายเนื้อของที่บ้านตามเดิม
ภาพยนตร์ตอกย้ำถึงการยอมจำนนต่อโครงสร้างทางสังคมที่กดขี่เพศหญิง ผ่านการนำเสนอฉากการพูดคุยระหว่างเม็กและทรูดี้บริเวณหน้าร้านขายเนื้อ เม็กมีความสามารถและเติบโตมากับการว่ายน้ำเช่นเดียวกับทรูดี้ แต่เมื่อเธอไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิก เธอจำต้องยอมรับการคลุมถุงชนตามที่พ่อกำหนดไว้แม้ว่าเธอจะมีคนรักอยู่แล้วก็ตาม พ่อของพวกเธอคือผู้ชายที่รู้จักแต่วิถีโบราณที่เอาแต่กังวลว่าลูกสาวจะมีชีวีตแบบไหน จะมีใครดูแลไหมหากไม่แต่งงานกับผู้ชายสักคนไป และเอาแต่กังวลว่าหากลูกสาวดื่มเหล้าและกลับบ้านหลังเที่ยงคืน “รู้ไหมว่าคนเขาจะพูดถึงลูกสาวพ่อยังไง” ท้ายที่สุดเม็กถูกจับคลุมถุงชนสำเร็จตกอยู่ในชะตากรรมเช่นเดียวกับผู้หญิงละแวกนั้น ชะตากรรมของพวกเธอที่ถูกกำหนดไว้แล้ว“พวกเขาไม่อยากให้เราเป็นฮีโร่ พวกเขาไม่อยากให้เราเป็นอะไรเลย” นอกจากเป็นแม่หรือเมียของผู้ชายสักคน คำพูดของเม็กสะท้อนความพยายามและการดิ้นรนต่อสู้ของผู้หญิงในห้วงเวลาดังกล่าว หากพวกเธอไม่สามารถมีชัยชนะเหนือผู้ชายได้ หรือไม่เก่งพอที่จะได้รับการยอมรับ เธอจะต้องกลายเป็นเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปซึ่งหมายถึงผู้หญิงทุกคนในสังคมที่อยู่ในสภาวะยอมจำนนต่อปิตาธิปไตยไม่มีสิทธิต่อรอง และไม่มีปากเสียง ต่างจากทรูดี้แม้เธอจะอยู่ในสภาวะยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้เช่นกัน แต่เธอกลับยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอจะไม่ยอมเป็นเหมือนเม็ก จะไม่ยอมรับการคลุมถุงชนให้แต่งงานกับผู้ชายสักคนของพ่อและจะไม่มีวันเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด
ทรูดี้ตัดสินใจไปพบเอปสไตล์ครูฝึกของเธอที่สมาคมนักว่ายน้ำหญิง เพื่อปรึกษาความเป็นไปได้ในการว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เอปสไตล์กล่าวว่าพวกผู้ชายไม่พร้อมที่จะรับผู้หญิงยิ่งไปกว่านั้นหากทรูดี้ทำไม่สำเร็จหรือได้รับบาดเจ็บ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเหตุผลสำคัญให้นักกีฬาว่ายน้ำหญิงยิ่งถูกกีดกันออกไป เอปสไตล์ไปขอรับการสนับสนุนทุนจากสหพันธ์โอลิมปิกอเมริกันอีกครั้ง สหพันธ์ฯ มีเงื่อนไขว่าหากทรูดี้สามารถว่ายน้ำจากนิวยอร์กไปเจอร์ซีด้วยระยะทาง 11 กิโลเมตร ภายในเวลา 4 ชั่วโมงได้สหพันธ์ฯ จะสนับสนุนการว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษของเธอ เมื่อทรูดี้ทำสำเร็จสหพันธ์ฯยังคงให้วูลฟ์เป็นครูฝึกให้เธอแม้ว่าทรูดี้จะร้องขอให้เอปสไตล์เป็นครูฝึกให้ แต่ด้วยเงื่อนไขการสนับสนุนดังกล่าวทรูดี้จึงไม่มีทางเลือกมากนัก วูลฟ์กังขาในในความสามารถของทรูดี้ตั้งแต่เริ่มต้นเขาทั้งวิพากษ์วิจารณ์สไตล์การว่ายน้ำที่รวดเร็วของเธอ บังคับให้เธอฝึกว่ายน้ำด้วยท่ากบเท่านั้นด้วยเหตุผลที่ว่ามันปลอดภัยสำหรับผู้หญิง ยิ่งกว่านั้นเขาไม่เชื่อว่าเธอจะทำสำเร็จ
ช่องแคบอังกฤษขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสุดโหดมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ในประวัติศาสตร์มีเพียงนักว่ายน้ำผู้ชายเท่านั้นสามารถเอาชนะได้ด้วยระยะทาง 21 ไมล์ อุณหภูมิในน้ำเย็นจัด กระแสน้ำเปลี่ยนทุกสองถึงสามชั่วโมง ทั้งยังเต็มไปอันตรายจากแมงกะพรุนและฉลามยากที่จะเอาชนะได้สำหรับผู้หญิงทรูดี้เดินทางไปยังแหลม Gris-Nez ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการว่ายน้ำข้ามไปยังอังกฤษ เมื่อไปถึงเธอพบว่าตัวเองกลายเป็นผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางนักกีฬาชายหลายชีวิตผู้พยายามเอาชนะช่องแคบอังกฤษเช่นกัน ทรูดี้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1926โดยกฎการว่ายน้ำกลางแจ้งคือ ห้ามแตะต้องตัวนักว่ายน้ำหากโดนตัวนักกีฬาจะถูกตัดสิทธิทันที ในการว่ายน้ำครั้งแรกเธอทำไม่สำเร็จเพราะวูล์ฟนำยานอนหลับผสมกับชาให้เธอดื่ม ทรูดี้จึงหมดสติจมลงไปในทะเลและถูกพาตัวขึ้นมายังชายฝั่งทันที เหตุการณ์นั้นทำให้สื่อทุกสำนักต่างประโคมข่าวว่าความล้มเหลวติดต่อกันของทรูดี้ทั้งจากการแข่งโอลิมปิกและที่ช่องแคบอังกฤษในครั้งนี้จะทำให้คนที่ต่อต้านนักกีฬาหญิงส่งเสียงคัดค้านดังยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
“น้ำตื้น” กับความเข้มแข็งในส่วนลึกของจิตใจ
“อย่าให้ใครก็ตามพาฉันขึ้นจากน้ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” ทรูดี้
การว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษครั้งที่สองของทรูดี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1926ได้รับความช่วยเหลือจากบิลล์ เบอร์เจส ชายผู้ซึ่งว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษกว่า 3 ครั้ง เบอร์เจสอาสานำทางให้แก่ทรูดี้การเดินทางครั้งนี้มีพ่อและพี่สาวของเธอร่วมเดินทางด้วย ในระหว่างทางทรูดี้ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายทั้งแมงกะพรุน กระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลา ทำให้เธอต้องว่ายน้ำตามกระแสน้ำด้วยระยะทางที่ไกลออกไปไม่เช่นนั้นเธอจะหมดแรงและหลงทางโดยจุดสำคัญที่สุดที่เธอต้องผ่านให้ได้คือบริเวณน้ำตื้น ซึ่งเป็นจุดปราบเซียนของนักว่ายน้ำที่จะเดินทางผ่านช่องแคบอังกฤษหลายคนถูกกระแสน้ำพัดจนหลงทางไม่สามารถว่ายน้ำผ่านไปได้และจบชีวิตลงในที่สุด
ภาพยนตร์ถ่ายถอดช่วงเวลาสำคัญของเรื่องได้อย่างลื่นไหลทั้งยังเก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี อาทิ ฉากที่เม็กออกแบบและตัดเย็บชุดว่ายน้ำให้ใช้งานจริงเพื่อให้ทรูดี้มีความคล่องตัวมากขึ้น หลังจากเห็นทรูดี้ทนทุกข์ทรมานจากการโดนชุดเสียดสีการว่ายน้ำเป็นเวลานานยังทำให้แว่นตาว่ายน้ำของเธอรั่ว เม็กใช้ขี้ผึ้งจากเทียนละลายซ่อมแซมอย่างรวดเร็วและโยนกลับไปให้เธอในทะเล การดำเนินเรื่องไต่ระดับจากค่อยเป็นค่อยไป สู่ความตื่นเต้นถึงขีดสุดเมื่อทรูดี้ว่ายน้ำไปถึงบริเวณน้ำตื้นในเวลานั้นเธอและทุกคนตระหนักได้ทันทีว่าเรือของเบอร์เจสไม่สามารถนำทางให้เธอได้อีกต่อไปทรูดี้ต้องว่ายน้ำข้ามไปยังอีกฝั่งเพียงลำพังในฉากนี้การแสดงของ Daisy Ridley ผู้รับบททรูดี้น่าชื่นชมอย่างยิ่งเธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยม ในห้วงเวลาหนึ่งแววตาเธอแสดงให้เห็นถึงความสับสนและกังวล เมื่อเธอนึกถึงเป้าหมายทันใดนั้นสายตาเธอเปลี่ยนเป็นฉายแววถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและสื่อถึงระดับความเข้มแข็งทางจิตใจที่มีอย่างเต็มเปี่ยม
ลองจินตนาการว่าหากคุณกำลังว่ายน้ำเพียงลำพังด้วยระยะทางยาวไกลในทะเลที่หนาวเหน็บ ประสบกับคลื่นลมรุนแรงไม่ขาดสายความลึกของทะเลที่ไม่อาจคาดเดา และฝูงฉลาม ทั้งยังต้องต่อสู้กับความกลัวในตใจและความสงสัยในตัวเอง เผชิญความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมื่อโผล่พ้นน้ำขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดมองไปรอบกายไม่เจอสิ่งใดนอกจากผืนน้ำคุณจะรู้สึกอย่างไร แน่นอนว่าความกลัวย่อมกัดกินจิตใจเพิ่มขึ้นทวีคูณ การจะเอาชนะความหวาดกลัวได้ย่อมต้องอาศัยความเข้มแข็งทางจิตใจและความเชื่อมั่นในตัวเองในระดับสูงสุดเท่านั้น แม้ในเวลานั้นคุณอาจจะไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นในตัวเองอยู่เลยก็ตามสิ่งที่ท้าทายที่สุดมากกว่าการพิสูจน์ตัวเองต่อสังคมคือการเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเองและคำถามว่า “จะทำได้ไหม” ที่ผลิตซ้ำวนวนเวียนอยู่ในมโนสำนึกของคุณตลอดเวลานี่คือสิ่งที่ทรูดี้ต้องเผชิญตลอดทั้งเรื่อง
ขณะที่ทรูดี้กำลังเคว้งคว้างในที่สุดเธอก็มองเห็นแสงไฟเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นบริเวณชายฝั่ง สิ่งนั้นทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าที่นั่นคือจุดหมายของเธอ เธอว่ายน้ำอย่างมุ่งมั่นเข้าหาแสงไฟ ณ เส้นชัยมีผู้คนมาจุดไฟรอเฉลิมฉลองชัยชนะร่วมกับเธอมากมายแม้ว่าระหว่างทางเธอต้องสู้และเอาชนะกับความยากลำบากเพียงลำพังการว่ายข้ามช่องแคบอังกฤษของทรูดี้เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงทั่วโลกความสำเร็จของเธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าของผู้หญิงในวงการกีฬา เธอได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เมื่อกลับถึงนิวยอร์ก โดยมีผู้คนมากมายมาร่วมเฉลิมฉลองในขบวนพาเหรด ต่อมาทรูดี้ต้องเผชิญกับการสูญเสียการได้ยินอันเป็นผลมาจากการเจ็บป่วยในวัยเด็กของเธอ ประกอบกับการได้รับบาดเจ็บที่หลังอย่างรุนแรงในปี 1933 ทำให้เธอต้องเลิกเล่นกีฬาว่ายน้ำอย่างถาวรเธออุทิศชีวิตช่วงสุดท้ายด้วยการสอนเด็กหูหนวกว่ายน้ำและเสียชีวิตลงในปี 2003 ขณะอายุได้ 98 ปีภาพยนตร์จบลงเพียงเท่านั้น
เรื่องราวของทรูดี้ในภาพยนตร์ Young Woman and the Sea มีความดรามาเข้มข้น อัดแน่นด้วยรายละเอียดทั้งในแง่ของบทภาพยนตร์ความพิถีพิถันในการเล่าเรื่องเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงในยุค 1920 เสื้อผ้าที่ตัวละครสวมใส่มีความสวยงามสอดคล้องกับยุคสมัย การออกแบบฉากตลอดจนเทคนิคในการถ่ายทำโดยฉากที่ทรูดี้ต้องว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษมีความสมจริงมากราวกับเรากำลังแหวกว่ายในทะเลไปพร้อมกับเธอองค์ประกอบของภาพและแสงชวนให้สัมผัสได้ถึงบรรยายกาศทะเลและสังคมในเวลานั้น นักแสดงสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความซับซ้อนของตัวละครได้อย่างครบถ้วนการดำเนินเรื่องโดยใช้โทนสีฟ้าหม่น ๆ เป็นหลักแสดงให้เห็นถึง Mood and tone ของภาพยนตร์ที่ให้ความรู้สึกอึมครึม ความหนาวเย็นสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกอันโดดเดี่ยวอ้างว้าง และเคว้งคว้างของตัวละคร รวมถึงการเลือกใช้งานประพันธ์เพลงประกอบในแต่ละฉากยิ่งช่วยชูโรง ผลักดันอารมณ์ ยกระดับความตื่นเต้นชวนให้ผู้ชมลุ้นตามว่าทรูดี้จะทำสำเร็จหรือไม่ เรื่องราวของทรูดี้สะท้อนถึงการมีพลังกาย พลังใจที่เข้มแข็งความมุ่งมั่นการไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อข้อจำกัดทั้งหลายจากธรรมชาติและสังคม พร้อมกับตอกย้ำว่าความสำเร็จที่แท้จริงมิได้เกิดจากการเอาชนะผู้อื่นแต่คือการเอาชนะความกลัวในจิตใจด้วยความเข้มแข็งทางจิตใจของตัวเองเช่นเดียวกับการเอาชนะทะเลเปรียบเสมือนความพยายามที่จะเอาชนะกรอบหรือขีดจำกัดทางสังคมของผู้หญิงสะท้อนให้เห็นถึงการดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากข้อจำกัดและเงื่อนไขทางสังคมที่ดำรงอยู่ในเวลานั้น
บทสรุปวาระสำคัญของ Young Woman and the Seaคือ การหยิบยกประเด็นความไม่เท่าเทียมทางเพศมาเป็นแกนหลักของเรื่องซึ่งไม่เพียงแต่ปรากฏในวงการกีฬานั้นแต่ยังเป็นความคิดหลักกระแสของสังคมในยุคที่ผู้หญิงจะต้องเป็นช้างเท้าหลัง การสอดแทรกการปะทะกันทางความคิดระหว่างแนวคิดปิตาธิปไตยและแนวคิดสตรีนิยมโดยบอกเล่าผ่านเรื่องราวของทรูดี้ ภาพยนตร์จบลงด้วยชัยชนะของทรูดี้ ชัยชนะของสตรีนิยมเหนือปิตาธิปไตยโดยสะท้อนผ่านฉากที่วูล์ฟกำลังไม่พอใจอย่างหนักเมื่อทราบว่าทรูดี้สามารถว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษสำเร็จทั้งยังถูกเย้ยหยันว่าพยายามขัดขวางทรูดี้เนื่องจากตัวเขาล้มเหลวแล้วยังไม่สามารถสอนถึงวิธีที่จะประสบความสำเร็จได้อีกรวมทั้งพ่อขอทรูดี้และคนอื่นยอมรับในตัวเธออย่างภาคภูมิใจอย่างไรก็ตามภาพยนตร์ยังมีจุดด้อยในบางส่วนบางจังหวะการดำเนินเรื่องกินเวลาเกินไปตามลักษณะของการถ่ายทอดเรื่องราวอัตชีวประวัติ ไม่หวือหวา แฟนตาซี ซึ่งอาจเป็นผลจากความพยายามในการถ่ายทอดรายละเอียดของบทภาพยนตร์ให้มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ แต่จุดด้อยดังกล่าวไม่อาจลดทอนความน่าสนใจในสาระสำคัญของภาพยนตร์ไปได้
สิ่งที่ผู้เขียนได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้คือการส่งเสริมการเห็นคุณค่า ความสามารถและความเชื่อมั่นในตัวเองโดยเฉพาะในตัวของผู้หญิง การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจและความมุ่งมั่นในการไล่ตามความฝันแม้จะอยู่ในสถานะเป็นรอง การไม่ยอมอ่อนข้อต่อธรรมเนียมปฏิบัติและคุณค่าที่สังคมยึดถือ ตลอดจนการปฏิเสธการกดขี่เชิงโครงสร้างที่ปราศจากความชอบธรรม ทั้งยังเน้นย้ำว่าสิ่งที่คุณต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาคือ การเฝ้าตรวจสอบตัวเองว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางใดและอยู่บนเส้นทางที่มุ่งหวังเพื่อไปสู่การบรรลุเป้าหมายหรือไม่ หากคำตอบของคุณคือใช่ขอจงก้าวต่อไปและยืดหยัดเพื่อตัวเองไม่ว่าสังคมหรือใครจะมองคุณเป็นตัวประหลาดหรือแปลกแยกเพียงใดก็ตามและในชั่วขณะหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้อยู่ที่การมีหรือเป็นในสิ่งที่สังคมบอกว่าคุณต้องมีหรือต้องเป็นคุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์คุณค่าตัวเองต่อสังคม คุณค่าของคุณอยู่ที่ตัวคุณและไม่มีใครพรากมันไปจากคุณได้ สุดท้ายนี้ หวังว่าคุณจะเป็นแสงสว่างให้กับตัวเองในยามที่มืดมิดไปนำพาตัวเองจนถึงจุดสิ้นสุดปลายสายรุ้ง ณ ชายฝั่งแห่งนั้นที่เรียกว่า “ความฝัน” ด้วยความรัก เคารพ และเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสุดหัวใจ
อ้างอิง
World Open Water Swimming Association, 20 Fascinating Facts About Trudy Ederle: The Story Behind Disney’s “Young Woman and the Sea” [ออนไลน์], 20 มีนาคม 2568. แหล่งที่มาhttps://www.openwaterswimming.com